วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

โรงเรียนบ้านหินตั้ง : ความเปลี่ยนแปลงความร่วมมือ

ความเปลี่ยนแปลง ความร่วมมือ


    สภาพโรงเรียนก่อนการเปลี่ยนแปลง



ย่างก้าวแรกที่ผมได้มาเหยียบบนผืนดินโรงเรียนบ้านหินตั้ง ใจหายครับ การเดินทางก็ช่างไกล มาใหม่ๆย่อมใจหาย คิดถึงบ้าน เห็นสภาพโรงเรียนที่รกไปด้วยหญ้าเต็มสนามโรงเรียน สภาพโรงเรียนที่เก่า บ่งบอกได้ว่าไม่ได้รับการพัฒนาการดูแลมานานพอสมควร และที่ตกใจคือ ไม่มีไฟฟ้าใช้ครับ โซล่าเซลที่มีไม่สามารถใช้ได้ เครื่องปั่นไฟที่มีใช้ไม่ได้เช่นกัน ตายละเอาไง มองไปรอบๆ คนในหมู่บ้านก็ไม่มีไฟเช่นกัน มีไฟฟ้าใช้จุดเดียวคือห้องคอมพิวเตอร์ของ กสทช. ที่ติดต้ังให้โรงเรียน ใจชี้นมาหน่อยมี WiFi ด้วยพอได้ติดต่อคนข้างล่าง ติดต่องาน


สภาพอาคารเรียน สนาม
 สภาพอาคารเรียน สนามโรงเรียนที่ขาดการดูแล อย่างต่อเนื่อง หญ้าขึ้นรกทั้งโรงเรียน สนามเต็มไปด้วยมูลของวัว ควายชาวบ้านที่เข้ามากินนอนในสนามโรงเรียน ที่นี่จะมีปัญหาเรื่องวัว ควายเพราะชาวบ้านเลี้ยงแบบปล่อย










หญ้า ต้นไม้เต็มตามแนวรั้ว สนาม


สภาพตามแนวรั้ว ต้นไม้หญ้าขึ้นกันเต็มครับ ไม่ได้รับการดูแล เป็นที่อยู่ของสัตว์มีพิษต่างๆ เช่นงู ตะขาบ เป็นต้น



ป้ายโรงเรียนบ้านหินตั้ง

สภาพป้ายโรงเรียนที่ปกคลุมไปด้วยหญ้า บ่งบอกให้เห็นว่าไม่มีใครใส่ใจมานานแม้จะอยู่ข้างถนนที่คนสัญจรไปมา ไม่ได้รับการเหลียวแลเลย
ห้องน้ำ
สภาพห้องน้ำที่ดูแล้ว ไม่น่าเข้าไปใช้เลย ต้นไม้ต้นเล็กๆขึ้นเต็มหลังคา ภายในเต็มไปด้วยโคลนเปื้อน ตามผนังหห้องน้ำทุกห้อง











สภาพภายในห้องน้ำ



สภาพห้องน้ำที่ใครก็ไม่อยากเข้าใช้ ภายในใช้แล้วไม่ล้างครับ













สภาพอาคารเอนกประสงค์


สภาพอาคารเอนกประสงค์ที่ทรุดโทรม ประตูไม้ปิดตาย หน้าต่างเปิดไม่ได้หลายบาน
สภาพอาคารเรียน
อาคารเรียนอาคารหลัก สภาพภายในที่ทรุดโทรม ฝ้าภายในแตกร้าว ผนังห้องภายในผุพัง แบ่งเป็นห้องๆเล็กๆสำหรับให้เด็กมัธยมตอนต้นได้เรียนหนังสือ 

















สภาพสนาม






 สภาพสนามโรงเรียนหญ้าขึ้นเต็ม ขาดการดูแล เป็นที่ที่ให้วัวควายชาวบ้านเข้ามากินหญ้า นอน ถ่ายมูลไว้เต็มครับ














ความร่วมมือ ความเปลี่ยนแปลง

      จากสภาพโรงเรียนที่เห็นทำให้เกิดแนวคิดว่า ไม่ได้แล้วเราต้องทำอะไรสักอย่าง ต้องรีบพัฒนาให้น่าอยู้น่าเรียน ก่อนอื่นต้องหาแนวร่วม จึงได้เชิญกรรมการสถานศึกษาร่วมประชุม ปรึกษาหารือ เพื่อพัฒนาโรงเรียน ให้มีสภาพที่ดีขึ้น การติดต่อขอความร่วมมือจากหน่วยงานใกล้เคียง ซึ่ง คือ ฐานทหารพราน ข้างโรงเรียน ได้รับการตอบรับอย่างดี จากชาวบ้าน ทหารพราน
      ที่สำคัญกระแสข่าวการเสด็จเยี่ยมโรงเรียนของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ว่าพระองค์ท่านจะเสด็จเยี่ยมโรงเรียนบ้านหินตั้ง เอาละสิงานนี้ มารับงานปุ๊บ งานใหญ่มาเลยทีเดียว จึงต้องเร่งดำเนินการเป็นการด่วน ได้ระดมกำลังจากชาวบ้านซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชุมชน
จนทำให้งานดำเนินไปไดอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ทั้งครูนักเรียนช่วยกันพัฒนา เพื่อให้โรงเรียนของเรามีสภาพที่ดูดีขึ้น เอื้อต่อการเรียนการสอน ส่งผลให้นักเรียน ครู มีสุขภาพจิตที่ดี เด็กๆ อยากมาโรงเรียนมากขึ้น














ได้รับความร่วมมือในการพัฒนาเป็นอย่างดีจากพี่ทหารพรานที่ประจำฐานบ้านจะแก ทางผู้กองได้ส่งกำลังพลมาช่วยทั้งทาสี ตัดหญ้า ปรับปรุงสภาพแวดล้อมต่างๆให้ดีขึ้น เป็นความร่วมมือที่ดีจากหน่วยงานที่อยู่ข้างเคียง








  เด็กตัวเล็กๆได้แสดงออกถึงความรักในสถาบัน ความมีน้ำใจ ทำให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาส่งผลให้เข้ามีความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่่วมในการเปลี่ยนแปลงคร้ังนี้                  





นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ขาดไม่ได้เลยคือกำลังสำคัญในการพัฒนา บรรดาชาวบ้าน วัยรุ่นในหมู่บ้านทั้งผู้นำ ลูกบ้านร่วมมือร่วมใจในการพัฒนาโรงเรียนให้ดีขึ้น โรงเรียนเป็นส่วนหนึ่ง่ของหมู่บ้าน ชาวบ้านมีความรัก มีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อโรงเรียนและครูในโรงเรียน



จากความร่วมมือ ส่งผลสู่ความเปลี่ยนแปลงที่จะตามมาในอนาคต เป็นสัญญาณที่ดีของโรงเรียนในการได้รับความร่วมมือจากชุมชนอย่างเต็มที่ ผู้นำชุมชนให้ความสำคัญในการพัฒนาโรงเรียนเป็นอย่างดียิ่ง
คงไม่นาน ความก้าวหน้า ความเป็นเอกภาพ คุณภาพจะตามมา



วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

โรงเรียนบ้านหินตั้ง : น้ำพระทัยจากในหลวง

น้ำพระทัยจากในหลวง




       ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ก็ไม่หลุดพ้นสายพระเนตรที่เปี่ยมด้วยเมตตาสำหรับราษฎรที่อยู่ห่างไกลในหลายพื้นที่ ได้ให้ความช่วยเหลือทั้งทางตรงทางอ้อม โรงเรียนบ้านหินตั้ง ก็เช่นกันได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ รับเข้าดูแลในโรงเรียนโครงการกองทุนการศึกษา โดยผ่านสำนักเลขาธิการองคมนตรี มีทาน พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นประธานกรรมการบริหารโครงการ โดยได้รับคัดเลือกเข้ารุ่นที่ 2 ของโครงการ
      โรงเรียนในโครงการกองทุนการศึกษาจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่สละพระราชทรัพย์เป็นกองทุนเพื่อพัฒนาการศึกษา  มุ่งเน้นพัฒนาโรงเรียนให้มีกายภาพที่ดีน่าเรียน น่าอยู่ พัฒนาครูให้มีความรู่คู่คุณธรรม ครูอยู่อย่างมีเกียรติ และพัฒนานักเรียนให้เป็นคนดี
       ต้ังแต่ปีการศึกษา 2556 เป็นต้นมา โรงเรียนบ้านหินตั้งได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากโครงการกองทุนการศึกษา โดยการพัฒนาครูให้มีความรู้ มีคุณธรรม เพื่อนำไปพัฒนานักเรียนและส่งผลต่อโรงเรียน ชุมชนต่อไป 
ท่านพลเอก สุรยุทธ จุลานนท์ องคมนตรีได้เยี่ยมให้กำลังใจ

กำลังใจในการทำงานของครูบนเขาครับ
 ในการเข้าเป็นโรงเรียนในโครงการกองทุนการศึกษาถึงจะอยู่ห่างไกลเดินทางลำบากเพียงใดเราก็ได้กำลังใจในการทำงาน ท่านองคมนตรี พลเอกสุรยุทธ  จุลานนท์ได้มาเยี่ยมให้กำลังใจในการทำงานพร้อมทั้งคณะครูอาสาของโครงการกองทุนการศึกษา









การทักทายที่เป็นกันเองของท่านทำให้พวกเราครูโรงเรียนบ้านหินตั้งมีกำลัง มุ่งมั่นทำงานเพื่อในหลวงต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
ให้คำชี้แนะในการทำงาน

ท่านรองมันทนา ครูอาสาโครงการกองทุนฯให้คำชี้แนะ






























เยี่ยมห้องเรียนสาขาที่ปางสนุกและให้ยุบนำนักเรียนไปเรียนที่โรงเรียนแม่



ได้ไปเยี่ยมห้องเรียนสาขาปางสนุกซึ่งหากจากโรงเรียนแม่ 15 กม.แต่ใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง ได้สั่งให้ยุบนำเด็กไปเรียนที่โรงเรียนแม่เนื่องจากการดูแลลำบาก









คุณครูโรงเรียนบ้านหินต้ัง

โฉมหน้าครูในช่วงนั้นบางคนก็ย้ายออกไปแล้วก็มีที่ยังไม่ย้ายก็มี ส่วนใหญ่เป็นครูบรรจุใหม่ครับ ครบสองปีก็ย้ายกันหมด มาทดแทนก็ครบสองปีก็ย้ายอีก จนโครงการกองทุนการศึกษาได้เข้ามาแก้ปัญหาโดยให้ทุนนักศึกษาราชภัฏคัดนักศึกษาในพื้นที่มาเป็นครูโดยเป็นลูกจ้างครบสองปีได้บรรจุรับราชการและอยู่ทำงานต่ออีกสี่ปี เป็นวิธีที่แก้ปัญหาครูย้ายบ่อยได้ดีขึ้นครับ




รองนันทพล และ ผอ ไพรัช ครูอาสากองเยี่ยมให้กำลังใจ




 ครูอาสาก็เป็นส่วนหนึ่งที่คอยเยี่ยมเยียนให้กำลังใจชี้แนะการพัฒนาโรงเรียน ท่านรองนันทพลและท่าน ผอ ไพรัช ครูอาสาหัวใจพัฒนาได้บุกป่าฝ่าดงเข้าไปดูและให้กำลังใจอยู่เสมอครับ ลำบากแค่ไหนท่านก็ไม่ไม่เคยทิ้งพวกเราให้อยู่อย่างเดียวดายกัน






ขอให้ตั้งใจทำงานเพื่อในหลวงของเรา


สิ่งที่ท่านฝากเสมอคือความสามัคคีกันในการทำงาน ทำงานให้เป็นทีมทุกสิ่งก็จะประสบผลสำเร็จ เน้นเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ให้เด็กมีคุณธรรมจริยธรรมแล้วความดี ความเก่งจะตามมาครับ


วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

โรงเรียนบ้านหินต้ัง แสงเทียนในป่าเขา

ปฐมบทแสงเทียนแห่งขุนเขา


  • ที่ต้ัง

โรงเรียนบ้านหินตั้ง ตั้งอยู่ที่บ้านจะแก ตำบลไล่โว่ อำภอสังขละบุรี จังหวัดการญจนบุรี อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทุ่งใหญ่นเรศวร ที่เป็นมรดกโลก ห่างอำเภอสังขละบุรี ประมาณ 90 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัดกาญจนบุรี 250 กิโลเมตร
สภาพโรงเรียนในปัจจุบันที่ได้รับการพัฒนา
โรงเรียนจะต้ังในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ต้ังบนที่ราบ สภาพภูมิอากาศที่นี่เย็นสบายครับ หน้าฝนมากกว่าหน้าแล้ว โดยทั่วไปก็เรียกกันว่า ฝน 8 แดด 4 หน้าฝนฝนจะตกชุกมาก




















  • การเดินทาง


การเดินทางสู่โรงเรียนบ้านหินตั้งมีหลักๆ สองเส้นทางคือทางอากาศ และทางบก ทางอากาศโดยอาศัยฮอลิปคอบเตอร์ของค่ายสุรสีห์ จังหวัดกาญจนบุรี ที่ต้องขึ้นไปสับเปลี่่ยนกำลังทหารพรานทุก 15 วันโดยต้องขออนุญาตโดยสารขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหน้าฝนที่ไม่สามารถเดินทางทางบกได้

การเดินทางโดยฮอที่เขื่อนวชิราลงกรณ

ขึืนสู่น่านฟ้า





















ส่วนในหน้าแล้งจะเดินทางโดยรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ (4X4) ซึ่งสามารถเดินทางเข้าได้หลายเส้นทางเช่น ทางบ้านคลิตี้ ผ่านหน่วยป่าไม้ทางทุ่งใหญ่นเรศวร คนในพื้นที่จะเรียกกันว่าเส้นทุ่งใหญ่ แต่ที่นิยมกันมากสำหรับคนในพื้นที่บ้านจะแกคือ เส้นทางสเน่ห์พ่อง จากอำเภอสังขละบุรี ผ่านเขา ผ่านห้วยที่คดเคียวไปมา แต่เส้นนี้หากน้ำมาเยอะ และแรงก็ไม่สามารถเดินทางได้ และอีกทางคือทางพม่า เข้าทางด่านเจดีย์สามองค์เส้นนี้ต้องมีคนนำทาง มีล่ามที่คุยกระเหรี่ยงได้ พม่าได้ยิ่งดี เพราะเราต้องผ่านเข้าประเทศพม่า ลัดเลาะไปตามรัฐกระเหรี่ยง หากไม่มีคนนำทางผมก็ไม่ไปละครับ กลัวถูกจับไปยุ่งกันใหญ่
ครูและผุ้มาเยือนพักระหว่างทางเส้นทุ่งใหญ่

ต้นไม้ล้มขวางทางต้องลงช่วยกันตัดออก















ทางเสน่ห์พ่องพักระหว่างข้ามห้วย

เพื่อนร่วมทาง

ทางพม่าครับกับนายกสมชาย นายกอบต.ไล่โว่
 การเดินทางบางครั้งต้องพบปัญหาเรื่องของต้นไม้ล้มขวางทาง
ยางหลุดขอบในพม่าครับต้องเผาให้เข้าขอบแล้วสูบลมเดินทางต่อ












เข้าหน้าฝนลำห้วยที่เห็นในภาพนี้จะสูงและไหลแรงไม่สามารถข้ามได้ ต้องอาศัยฮอ หรือขึ้นทางทุ่งใหญ่ หรือไม่ก็อยู่โรงเรียนจนกว่าจะหมดฝนครับ
พี่น้องเพื่อนร่วมทางเส้นทุ่งใหญ่














การเดินทางในหน้าฝนจำเป็นครับที่ต้องมีเพื่อนร่วมทางเพื่อช่วยเหลือกันเวลารถติด ผมเคยโดนมาแล้วครับ หน้าแล้งใช้เวลาประมาณ 6-7ชั่วโมงส่วนหน้าฝน ไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง เคยออกเดินทางจากโรงเรียนมาสังขละบุรี ออก 10 โมงเช้าถึง ตี 3 กว่ายันสว่างก็มีครับ รถติดต้องช่วยกันดึง วินท์ ลากกันไปครับ













เส้นพม่าเป็นเส้นที่วิ่งง่ายครับเร็วกว่าทางทุ่งใหญ่ เสน่ห์พ่องเป็นเท่าตัว แต่อย่างว่าต้องมีคนนำทาง โขคดีครับที่มีนายกสมชาย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไล่โว่ที่ท่านกว้างขวางช่วยนำทางเคลียร์เส้นทางครับ แต่หน้าฝนก็เอาเรื่องเหมือนกันเคยนอนในป่าพม่ามาแล้วครับ สองวันสองคืน รถติดดิ้นกันทั้งคืนครับ








ถนนไม่ได้โรยด้วยคอนกรีตหรือลาดยางครับ สิ่งไม่คาดคิดเกิดบ่อยมากโดยเฉพาะยางหลุดขอบ ไม่ได้รั่วแต่ลมออกหมด หากยางอะหลั่ยไม่มีเหมือนที่เห็นครับไม่ยางอะหลั่ย ในพม่าด้วย ต้องล้างขอบกะทะให้ดีแล้วเผาด้วยเบนซินให้ยางระเบิดอัดเข้าไปใหม่และเติมลมต่อไปได้ครับ สูบลมต้องเตรียมไปครับ แต่ตอนนั้นท่านนายกไม่มีอะไรเลยครับ ขอทหารกระเหรี่ยงพม่าอย่างเดียว ใจผมก็กลัวเหมือนกันครับเขามาช่วยครับแต่สพาย M16 มาด้วยครับ









ทั้งครูและเพื่อนร่วมทางครับ ชุดนี้ไปกันบ่อยเพื่อขนสัมภาระให้ โรงเรียน ในภาพเป็นหน่วยมหาราชทางทุ่งใหญ่ รอบนั้นลูกน้องผมร่วงจากรถครับเนื่องจากรถกระแทกแรงจับไม่มั่น อย่างว่าครับครูใหม่








ถึงกลางคืนมืดแค่ไหนก็ไปครับ เติมน้ำมันระหว่างทาง

กับเสมา(ครูกล้วย)เพื่อนร่วมทางตลอดกาล



การเดินทางเราคาดการณ์ไม่ได้ ว่าจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม บางทีมืดระหว่างทางหากรถติดบ่อยน้ำมันก็สิ้นเปลืองต้องพกไปด้วยครับเติมกันไปในป่าเพื่อให้ถึงเป้าหมาย










คนเสื้อม่วงครับ เสมา (ครูกล้วย)ผู้ชำนาญเส้นทาง นักขับ 4X4 ในป่านีั้มืออาชีพครับผมได้เรียนรู้การขับรถในป่าจากครูกล้วย และทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนร่วมทางตลอดหากเดินทางช่วงวันหยุดครับ











ลัดเลาะตามซอกเขาบ้างในบางพื้นที่ เส้นเสน่ห์พ่อง ตรงนี้เรียกกันว่า เขางู



ลงช่องเขางูทางเสน่ห์พ่อง จุดนี้เป็นจุดที่่น้ำลึกครับหน้าฝนน้ำขึ้นสูงนักขับทั้งหลายค่อนข้างกลัวครับเครื่องจะนอ๊อคเอาครับ








เจ้าภูขาว (ชื่อรถครับ)เพื่อนคู่ใจ

เจ้าภูขาวคันนี้ได้รับจัดสรรจาก สพฐ.ครับ เข้าป่าต้ังแต่ป้วยแดงเลยครับ











ค่อยหยอดครับ หินที่นี่คมมาก มีสิทธิ์ยางรั่วได้หากไม่ระวัง

ต้องค่อยๆหยอดครับบริเวณนี้หินคมครับ อาจทำให้นยางรั่วได้ เรื่องยางสำคัญต้องรักษาให้ดีครับ
วิ่งไปตามลำน้ำ

ตามลำห้วยทางเสน่ห์พ่อง วิ่งสวนลำน้ำในขาขึ้นหากกลับเมืองก็วิ่งตามน้ำครับ ไต่หินไปเรื่อยๆบริเวณนี้ค่อนข้างยาวหน่อยครับ
ร่องเริ่มลึกแล้ว

เข้าหน้าฝนถนนเริ่มเปลี่ยนไม่เป็นถนนครับ เป็นร่องลึก คนในพื้นที่กลัวมากคือนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเพื่อความสนุกสนานมาปั่นเล่นให้เกิดร่อง รถเราในพื้นที่ไม่ได้ดีเหมือนรถคนมีตังในเมืองที่มาเล่นรถพังดีใจกลับบ้าน แต่พวกเราต้องเดินทางบ่อยใช้ถนนสัญจรไปมา ติดต่องาน ทำงาน ทำมาหากิน เจอร่องลึกก็ลำบากครับ พังหักไปตามกัน











ร่องเริ่มลึก ดีที่ยกสูงหน่อยไม่งั้นติดท้องก็ต้องขุดกันละ

บางที่ร่องจมล้อเลยทีเดียวครับ ต้องระวังในร่องบางทีมองไม่เห็นมีหินแหลมเบียดข้างล้อก็รั่วได้เหมือนกันครับ

มีหนืดมีเหนียวบ้างตามสภาพดินครับ การเดินทางที่แสนลำบากบางคณะมาครั้งเดียวครับ ไม่มาอีกเลย